วันพฤหัสบดีที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2560

Intel เปิดตัวโปรเซสเซอร์รุ่นใหม่ Xeon-W สำหรับเครื่องระดับ Workstations

Intel เปิดตัวโปรเซสเซอร์รุ่นใหม่ Xeon-W สำหรับเครื่องระดับ Workstations
Intel เปิดตัวโปรเซสเซอร์รุ่นใหม่ Xeon-W สำหรับเครื่องระดับ Workstations

Intel เปิดตัวโปรเซสเซอร์รุ่นใหม่ Xeon-W สำหรับเครื่องระดับ Workstations

ในวันนี้ ทางค่าย Intel ได้ประกาศเปิดตัว Xeon-W โปรเซสเซอร์รุ่นใหม่สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ระดับ Workstations พัฒนาบนพื้นฐานเทคโนโลยีของสถาปัตยกรรม Skylake-SP ซึ่งออกมาเพื่อแข่งขันกับโปรเซสเซอร์ EPYC ของค่าย AMD ทั้งนี้ Xeon-W มีการปรับเปลี่ยนชื่อรุ่นจากเดิมที่ใช้เป็น E5 และ E7 เป็น Platinum, Gold, Silver และ Bronze ด้วย
อินเทลเผยว่า Xeon-W จะช่วยลดช่องว่างระหว่างเครื่องระดับเซิฟเวอร์กับเครื่องส่วนบุคคลให้ใกล้กันมากกว่า และจะมาแทนที่โปรเซสเซอร์ซีรีย์ตระกูล E5-1600 โดยตรง ซึ่งหมายความว่าเราจะได้เห็นโปรเซสเซอร์ Skylake-SP Xeons บน Socket LGA2066 (หรือ Socket R4) ที่มาพร้อมกับลูกเล่นของโปรเซสเซอร์ระดับมืออาชีพด้วย
จะถูกแบ่งออกเป็น 8 รุ่น ตัวระดับสูงสุด คือ Xeon W-2195 ที่จะมี 18 คอร์ 36 เธรด ความเร็วพื้นฐาน 2.3GHz และ Turbo Boost ได้ถึง 4.3GHz ส่วนรุ่นต่ำสุดจะเป็น 4 คอร์ 8 เธรด ความเร็วพื้นฐาน 3.6GHz และ Turbo Boost ได้ถึง 3.9GHz
ทั้งนี้ Xeon-W จะทำงานได้กับเมนบอร์ดแบบ C422 เท่านั้น และไม่รองรับ DRAM 128GB LRDIMMs กับ Turno Boost 3.0
ซึ่งหากดูจากโครงสร้างแล้ว Xeon-W มีความใกล้เคียงกับโปรเซสเซอร์ตระกูล Skylake-X (อย่างรุ่น Core i9) แต่ว่ามีการเพิ่มคุณสมบัติระดับมืออาชีพใส่เข้ามาอย่างเช่น VPro, RAS, AMT เป็นต้น
สำหรับการวางจำหน่าย Xeon-W ระดับไม่เกิน 10 คอร์ จะเริ่มวางจำหน่ายผ่านผู้ผลิต OEM แล้ว ส่วนการซื้อมาประกอบเองจะมีวางขายก่อนแค่รุ่น W-2123 และ W-2135

YouTube เปลี่ยนโลโก้ พร้อมปรับโฉมใหม่ ดูสะอาดตามากกว่าเดิม

YouTube เปลี่ยนโลโก้ พร้อมปรับโฉมใหม่ ดูสะอาดตามากกว่าเดิม
ในที่สุด YouTube ก็อัพเดทดีไซน์หน้าเว็บไซต์ใหม่อย่างเป็นทางการ หลังจากที่ได้ทดสอบหน้าตาใหม่มาตั้งแต่ต้นปี พร้อมกับปรับเปลี่ยนหน้าตาของโลโก้ใหม่ในคราวเดียวกัน
YouTube เปลี่ยนโลโก้ พร้อมปรับโฉมใหม่ ดูสะอาดตามากกว่าเดิม
YouTube เปลี่ยนโลโก้ พร้อมปรับโฉมใหม่ ดูสะอาดตามากกว่าเดิม

สำหรับโฉมใหม่ของ YouTube จะมีการออกแบบให้ UI มีความโล่งและเรียบง่ายมากขึ้่น รวมถึงตัวเลือก Dark mode สำหรับเปลี่ยนโทนสีของหน้าเว็บให้เหมาะสมกับการรับชมในเวลากลางคืน
YouTube เปลี่ยนโลโก้ พร้อมปรับโฉมใหม่ ดูสะอาดตามากกว่าเดิม
โลโก้ของ YouTube ได้มีการออกแบบใหม่เช่นกัน ซึ่งทาง Neil Mohan หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ YouTube ได้อธิบายว่า โลโก้แบบใหม่ออกแบบให้แสดงผลได้อย่างเหมาะสมบนหน้าจอทุกขนาด และจะไปแทนที่ปุ่ม Play ในกรณีที่พื้นที่การแสดงผลไม่พอ

It ปล่อยโปสเตอร์ใหม่! น่ากลัวจนเหมือนจะถูกกลืนวิญญาณ!


It ปล่อยโปสเตอร์ใหม่! น่ากลัวจนเหมือนจะถูกกลืนวิญญาณ!

หลังจากส่งตัวอย่างภาพยนตร์ทุบสถิติขึ้นอันดับหนึ่งยอดวิวสูงสุดใน 24 ชม. มาแล้ว ฝีมือการกำกับของ อันเดรส มูเชตติ (Andrés Muschietti) ที่ได้รับการคาดหวังอย่างมากว่าน่าจะเป็นภาพยนตร์สยองขวัญที่ดีที่สุดของปีนี้ ล่าสุดภาพยนตร์ It ก็ได้ปล่อยโปสเตอร์ตัวใหม่ที่น่าสะพรึงกลับมาให้คุณผวากันอีกครั้ง...
ต้องบอกว่าเป็นโปสเตอร์ที่น่าสนใจ และค่อนข้างแตกต่างจากโปสเตอร์หนังอื่นๆ ที่เราเคยเห็นมาก่อน โปสเตอร์ที่ว่าเป็นรูปตัวตลกสุดสยอง "เพนนี่ ไวซ์" กำลังอ้าปากที่ลักษณะเหมือนอุโมงค์ และดูเหมือนมันจะกลายเป็นสถานที่จัดงานรื่นเริงที่พร้อมจะกลืนกินเด็ก โดยมีชื่อภาพยนตร์อยู่ตรงกลางหน้าผากของฆาตกรตัวตลก และเด็กชายซึ่งถือลูกโป่งสีแดงในมือกำลังมุ่งหน้าสู่ชะตากรรมน่ากลัว! เรียกความสยองได้แบบกรุบกริบทีเดียว
It ปล่อยโปสเตอร์ใหม่! น่ากลัวจนเหมือนจะถูกกลืนวิญญาณ!

ภาพประกอบจาก http://wbpsites.com
ภาพยนตร์ It จากนวนิยายที่ขายดีที่สุดของ สตีเฟ่น คิง (Stephen King) ที่มีชื่อเดียวกัน ในเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งชื่อว่า "เดอร์รี่" กลุ่มเด็กๆ เจ็ดคนต้องเผชิญกับความกลัวที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยเจอ เมื่อพวกเขาพยายามหาคำตอบการหายตัวไปของเด็กๆ ในบ้านเกิดของพวกเขา การเดินทางครั้งนี้จะพาพวกเขาไปพบกับปีศาจร้ายที่ชื่อว่า "เพนนี่ ไวซ์" (บิล ซาร์สการ์ด) ฆาตกรในตำนานที่มีประวัติโชกโชนมาอย่างยาวนานหลายทศวรรษ ลืมทุกความทรงจำของหนังเขย่าขวัญความสยองครั้งใหม่กำลังกลับมาเคาะประตูถึงหน้าบ้าน! 7 กันยายนนี้ในโรงภาพยนตร์ 

จีนคุมเข้มสื่ออินเทอร์เน็ต ควบคุมให้ประชาชนใช้ชื่อจริงในการใช้งาน!

จีนคุมเข้มสื่ออินเทอร์เน็ต ควบคุมให้ประชาชนใช้ชื่อจริงในการใช้งาน!
จีนเขย่าโลกอินเทอร์เน็ตอีกครั้ง และในคราวนี้ดูเหมือนจะมีความซีเรียสจริงจังกว่าครั้งก่อนๆ อ้างอิงจากกฎเกณฑ์ใหม่ ที่เผยแพร่โดยหน่วยงานที่กำกับดูแลการใช้งานอินเทอร์เน็ตของประเทศจีน ที่มีใจความโดยสังเขปว่า ใครก็ตามที่โพสต์ข้อความ โพสต์ข้อมูล หรือตอบคอมเม้นท์ใดๆ บนโลกออนไลน์ ต้องมีการลงทะเบียนเข้าใช้งานบริการออนไลน์เหล่านั้น ด้วยชื่อจริงเท่านั้น หรือจะใช้นามสมมุติก็ได้ แต่ก็ต้องมีการระบุชื่อจริงในระบบด้วย เพื่อให้สามารถระบุตัวตนของผู้โพสต์ข้อมูลได้อย่างชัดเจนในกรณีที่เกิดมีประเด็นปัญหาขึ้นมา
แต่ในมุมหนึ่ง กฎเกณฑ์นี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด เพราะทางการจีนได้กำกับดูแลให้ประชาชน ได้ใช้ชื่อจริงในการลงทะเบียนเข้าใช้บริการต่างๆ บนโลกออนไลน์อยู่แล้ว และทางการจีนก็ขับเคลื่อนเกี่ยวกับประเด็นนี้ในหลายๆ ระดับเป็นเวลากว่า 3 ปีมาแล้ว แต่ความแตกต่างอย่างชัดเจนในตอนนี้คือ บริษัทผู้ให้บริการด้านอินเทอร์เน็ตในประเทศจีนได้ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ เพื่อให้มั่นใจได้ว่า ประชาชนผู้ใช้งานบริการต่างๆ บนโลกอินเทอร์เน็ต จะลงชื่อเข้าใช้งานด้วยชื่อจริงอย่างถูกต้องครบถ้วน และหากบริษัทผู้ให้บริการ ได้พบข้อมูล หรือความเคลื่อนไหวใดๆ ที่ผิดกฎหมาย ก็ต้องรายงานให้รัฐบาลทราบ
และถึงแม้ประเทศจีนจะมีความพยายามในการควบคุมการใช้งานอินเทอร์เน็ตของประชาชน ก็ยังพบว่ามีผู้คนจำนวนหนึ่ง พยายามหลบซ่อนตัวตนที่แท้จริงใน Weibo ซึ่งเป็นบริการโซเชียลเน็ตเวิร์กของชาวจีนที่คล้ายๆ กับ Twitter และมีการหลบซ่อนตัวตนในบริการออนไลน์อื่นๆ ด้วย รวมถึงมีการใช้ VPN เพื่อหลบเลี่ยง Firewall ของทางการจีน ซึ่งสิ่งนี้เป็นที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย แต่เมื่อทางการจีนเริ่มคุมเข้มการใช้งานอินเทอร์เน็ตมากขึ้น การหลบเลี่ยงด้วย VPN ก็ทำได้ยากขึ้น และที่เพิ่งเป็นข่าวไปเมื่อช่วงต้นเดือนสิงหา กับการที่ทาง Apple ถอดแอพ VPN ออกจาก iTune store ของประเทศจีน ก็เป็นข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนว่า ทางการจีนนั้นจริงจังกับการควบคุมสื่ออินเทอร์เน็ตขนาดไหน

ไมโครซอฟท์ เปิดตัว Surface Pro รุ่นใหม่ล่าสุด ราคาค่าตัวเริ่มต้นที่ 30,900 บาท

ไมโครซอฟท์ เปิดตัว Surface Pro รุ่นใหม่ล่าสุด ราคาค่าตัวเริ่มต้นที่ 30,900 บาท

ไมโครซอฟท์ เปิดตัว Surface Pro รุ่นใหม่ล่าสุด ราคาค่าตัวเริ่มต้นที่ 30,900 บาท
ไมโครซอฟท์ เปิดตัว Surface Pro รุ่นใหม่ล่าสุด ที่มาพร้อมด้วยพลังแบตเตอรี่ ที่ใช้งานต่อเนื่องได้นานถึง 13.5 ชั่วโมง หน้าจอสัมผัส Pixel Sense™ ขนาด 12.3 นิ้ว อัดแน่นไปด้วยขุมพลังจาก Intel 7thGeneration ทำงานได้เร็วกว่า Surface Pro 3 รุ่นเก่าถึง 2.5 เท่า ไม่เพียงแต่ใช้งานได้รวดเร็วขึ้นเท่านั้น Surface Pro รุ่นใหม่ล่าสุดตัวนี้ มาพร้อมการออกแบบดีไซน์ใหม่ "ไร้พัดลม" จึงทำงานได้อย่างเงียบกริบ ไม่มีเสียงพัดลมกวนใจ ตัวเครื่องบางเพียง 8.5 มิลลิเมตร โดยน้ำหนักเริ่มต้นที่ 0.76 กรัม ทำให้สามารถพกพาได้สะดวกสบาย
นอกจากอัพเกรดตัวเครื่องแล้ว ยังสามารถทำงานได้อย่างลงตัว ร่วมกับอุปกรณ์เสริม อย่าง Surface Pen ที่ตอบสนองแรงกดได้มากกว่าเดิมถึง 4 เท่า, Surface Pro Type Cover หุ้มด้วยวัสดุ Alcantara ทำให้มีความสวยงาม ทนทาน ดูแลรักษาง่าย, Surface Arc Mouse ปรับความโค้งงอหลายระดับ เข้ากับรูปร่างมือ ของผู้ใช้
ในส่วนของ ซอฟต์แวร์  Surface Pro รุ่นใหม่ล่าสุด ใช้งานร่วมกับ Microsoft Office 365 พร้อมฟีเจอร์ใหม่ ใน Word, Excel, PowerPoint ที่ดีกว่าเดิม รองรับการใช้งาน Windows Hello บน Windows 10 Creators Update ได้อีกด้วย
จากที่ได้ลองจับ และทดสอบใช้งานตัวนี้ บอกได้เลยว่า ตัวเครื่องบาง น้ำหนักเบา เรียกใช้งานโปรแกรมได้รวดเร็ว ปากกา Surface Pen ตอบสนองน้ำหนักการกดดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ส่วนราคาสำหรับรุ่นเล็ก เริ่มต้นที่ 30,900 บาท สามารถดูรายละเอียด และราคาได้ที่ด้านล่างเลยครับ

โดมิโน่ พิซซ่า จับมือ Ford ทดสอบรถส่งพิซซ่าแบบไร้คนขับ

โดมิโน่ พิซซ่า จับมือ Ford ทดสอบรถส่งพิซซ่าแบบไร้คนขับ
Ford และ โดมิโน่ พิซซ่า จับมือกันทดสอบวิ่งรถส่งพิซซ่าแบบไร้คนขับในรัฐ Michigan ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นส่วนหนึ่งในการพยายามเรียนรู้ว่า ลูกค้าที่สั่งพิซซ่าจะตอบสนองอย่างไรกับการที่มีรถยนต์ไร้คนขับ วิ่งมาส่งพิซซ่าถึงหน้าบ้าน
ภายในสัปดาห์หน้า ลูกค้าบางรายที่ได้รับการคัดเลือกในเมือง Ann Arbor รัฐ Michigan จะได้รับการจัดส่งพิซซ่าถึงบ้านด้วยรถยนต์ไฮบริดแบบไร้คนขับรุ่น Ford Fusion แต่อย่างไรก็ดี รถส่งพิซซ่าคันนี้ยังไม่ได้ขับด้วยตัวเองโดยสมบูรณ์นะ
โดยรถที่ใช้ในการส่งพิซซ่าจะมีวิศวกรทางด้านความปลอดภัยของ Ford ทำหน้าที่ขับ และมีทีมนักวิจัยนั่งร่วมไปในรถด้วย และพวกเขาจะซ่อนตัวในช่วง 50 ฟุตสุดท้าย ก่อนที่รถจะวิ่งไปถึงบ้านของลูกค้า (ประมาณ 15 เมตรเอง) เพื่อทำให้ลูกค้าที่สั่งพิซซ่า รู้สึกเหมือนว่าเจ้ารถคันนี้ ขับมาด้วยตัวเองตลอดระยะทางการส่งพิซซ่า
โดยคุณ Sherif Marakby รองประธานของ Ford Autonomous Vehicles "เราไม่อยากรอไปนานจนกว่าเทคโนโลยีรถไร้คนขับจะพร้อมสมบูรณ์แบบ เราต้องการเริ่มงานวิจัยในเวลานี้เลย และในช่วงนี้เรากำลังพัฒนาเทคโนโลยีรถไร้คนขับ แต่มันก็ยังไม่พร้อมที่จะเอาลงไปวิ่งบนถนนสาธารณะ และการวิจัยครั้งนี้ เป็นการจำลองเสมือนว่ารถสามารถควบคุมเส้นทางการวิ่งได้ด้วยตัวเอง"
โดมิโน่ พิซซ่า จับมือ Ford ทดสอบรถส่งพิซซ่าแบบไร้คนขับ
และลูกค้าที่เลือกรับพิซซ่าผ่านบริการจัดส่งด้วยรถไร้คนขับ นั้นก็สามารถติดตามตำแหน่งของรถได้ผ่านแอพฯ ของ โดมิโน่ พิซซ่า และจะได้รับรหัส 4 ตัวที่ตรงกับเลขท้ายของเบอร์โทรศัพท์ เพื่อการนำรหัสนี้ไปใช้ปลดล็อค Heatwave ซึ่งเป็นกล่องความร้อนที่ทำให้พิซซ่าอุ่นอยู่เสมอ และกล่องนี้อยู่ทางด้านท้ายรถ Ford Fusion โดยการสื่อสารกับลูกค้าที่มารับพิซซ่าจะทำผ่านหน้าจอ และลำโพงที่ติดตั้งอยู่ภายนอกตัวรถ
คุณ Russell Weiner ดำรงตำแหน่งประธานของ โดมิโน่ พิซซ่า กล่าวว่า "เราสนใจที่จะเรียนรู้ว่าผู้คนจะคิดอย่างไรกับการส่งพิซซ่าในรูปแบบนี้"
โดยการวิจัยจะมีการเก็บรายละเอียดด้วยว่า ลูกค้าจะเดินออกจากบ้านมารับออเดอร์ของพวกเขาอย่างไร พวกเขาปฏิสัมพันธ์กับรถอย่างไร พวกเขาใช้งานระบบจอภาพภายนอกตัวรถอย่างไร
Ford ก็เป็นเช่นเดียวกับผู้ผลิตรถรายอื่นๆ ที่ลงทุนอย่างมหาศาลไปกับเทคโนโนโลยีรถไร้คนขับ และตั้งเป้าว่าจะนำรถยนต์ไร้คนขับลงตลาดให้ได้ภายในปี 2021 และเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา Ford ได้ประกาศแผนการลงทุนจำนวนหนึ่งพันล้านดอลลาร์สหรัฐ กับ Argo AI ที่เป็นสตาร์ทอัพด้านระบบปัญญาประดิษฐ์

Frostpunk เกมส์สร้างเมืองหลังโลกาวินาศ ผลงานใหม่จากผู้พัฒนาเกมส์สะเทือนอารมณ์ This War of Mine

Frostpunk เกมส์สร้างเมืองหลังโลกาวินาศ ผลงานใหม่จากผู้พัฒนาเกมส์สะเทือนอารมณ์ This War of Mine


This War of Mine คือผลงานของค่ายพัฒนา/จัดจำหน่ายเกมส์ 11 Bit Studios ที่แม้จะใช้ทุนสร้างไม่มาก แต่กลับสามารถได้รับผลตอบรับจากเหล่าเกมเมอร์ที่ดีจนเกินคาด ด้วยการขับส่งอารมณ์ในการเล่นอันดีเยี่ยม ดนตรีประกอบทีแตะไปยังหัวใจของผู้เล่น และฉากหลังของเกมส์อันเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงภัยสงคราม ผลกระทบที่เลวร้ายที่สุดของการฆ่าฟันกันระหว่างเผ่าพันธุ์มนุษย์ตลอดมา
ซึ่งก็ดูเหมือนทีมพัฒนา/จัดจำหน่ายนี้เอง จะค้นพบแนวทางในการสร้างเกมส์ที่พวกเขาถนัดมือที่สุด และพร้อมที่จะใช้วัตถุดิบที่ตกตะกอนจากเกมส์ก่อนหน้านี้ ในผลงานชิ้นใหม่อย่าง "Frostpunk"

โอกาสทำเงินของแฮกเกอร์สายขาวมาแล้ว เมื่อ DJI เสนอเงินรางวัลเฉียดล้านให้คนที่พบช่องโหว่

โอกาสทำเงินของแฮกเกอร์สายขาวมาแล้ว เมื่อ DJI เสนอเงินรางวัลเฉียดล้านให้คนที่พบช่องโหว่
DJI เสนอเงินรางวัลให้กับใครก็ตามที่พบบั๊กในระบบซอฟต์แวร์ที่ใช้งานร่วมกับโดรน โดยแคมเปญนี้นำเสนอเงินรางวัล $100 - $30,000 (ประมาณ 3,300 - 996,600 บาท) ให้กับแฮกเกอร์สายขาว นักวิจัยทางด้านความปลอดภัย หรือใครก็ตามที่ค้นพบปัญหาเกี่ยวกับความปลอดภัยของซอฟต์แวร์, บั๊กที่กระทบกับความปลอดภัยทางการบิน และบั๊กที่กระทบกระเทือนความมีเสถียรภาพของแอพฯ ซึ่งการที่ DJI เปิดแคมเปญล่าบั๊กนี้ น่าจะเป็นผลสืบเนื่องมาจากข่าวที่มีบันทึกภายในของหน่วยงานทหารสหรัฐอเมริกาหลุดรอดออกมาว่า จะมีการหยุดใช้โดรนของ DJI เพราะว่ามีช่องโหว่ทางด้านความปลอดภัยข้อมูล
และทาง DJI จะเปิดเว็บไซต์สำหรับการรายงานช่องโหว่ภายในระยะเวลาเร็วๆ นี้ แต่ช่วงที่เว็บไซต์รายงานบั๊กยังไม่เปิดให้บริการนั้น แฮกเกอร์สายขาวหรือใครก็ตามที่พบบั๊ก สามารถส่งรายละเอียดไปได้ที่อีเมล์ bugbounty@dji.com และบั๊กที่ได้รับการพิสูจน์จากทีมงานแล้วว่าเป็นของจริง ถึงจะได้รับเงินรางวัลเป็นสิ่งตอบแทน

Google เปิดตัว ARCore ระบบพััฒนา Augmented reality ท้าชนกับ ARKit ของ Apple

Google เปิดตัว ARCore ระบบพััฒนา Augmented reality ท้าชนกับ ARKit ของ Apple

ในขณะที่เทคโนโลยีของสมาร์ทโฟนถูกคาดการณ์ว่าเริ่มถึงทางตันแล้ว ด้วยเทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบัน ยากที่จะสร้างอะไรที่มันล้ำไปกว่านี้ได้ อย่างไรก็ตามเทคโนโลยี Augmented Reality ได้กลายเป็นพระเอก กลับมาสร้างความเร้าใจใหม่ๆ บนสมาร์ทโฟนอีกครั้ง
 Augmented Reality เป็นเทคโนโลยีที่ผสมผสานระหว่างความเป็นจริง และ โลกเสมือนที่สร้างขึ้นมาผสานเข้าด้วยกันผ่านซอฟต์แวร์และอุปกรณ์เชื่อมต่อต่าง ๆ ซึ่งถือว่าเป็นการสร้างข้อมูลอีกข้อมูลหนึ่งที่เป็นส่วนประกอบบนโลกเสมือน (virtual world) เช่น ภาพกราฟฟิก วิดีโอ รูปทรงสามมิติ และข้อความ ตัวอักษร ให้ผนวกซ้อนทับกับภาพในโลกจริงที่ปรากฏบนกล้อง
ที่มา https://th.wikipedia.org/wiki/ความเป็นจริงเสริม
ในงาน WWDC 2017 ที่ผ่านมา Apple ได้นำเทคโนโลยี AR มาปัดฝุ่นทำใหม่ ให้มีความน่าสนใจได้อย่างน่าทึ่ง พร้อมกับเปิดตัว ARKit ให้นักพัฒนาได้สร้างแอพฯ หรือเกมส์แบบ AR บน iOS ได้ แน่นอนว่าคู่แข่งอย่าง Android ก็ต้องมีการขยับตัวตามเช่นกัน
Google ได้ประกาศเปิดตัว ARCode เครื่องมือพัฒนา AR สำหรับระบบปฏิบัติการ Android โดยในตอนนี้รองรับการทำงานแค่บนสมาร์ทโฟนระดับเรือธงแค่ไม่กี่รุ่น ก็คือ Pixel และ Samsung Galaxy S8 สำหรับ SDK ในการพัฒนาพบว่าใช้เอ็นจิ้นอย่าง Java/OpenGL, Unity และ Unreal ในการทำงาน
เท่าที่ดูจากวีดีโอเดโม่ ถือว่าเจ๋งทีเดียวครับ น่าสนใจว่าผู้ใช้งานแอนดรอยด์จะได้สัมผัสกันเมื่อไหร่ หากมีข้อมูลใหม่ออกมาเมื่อไหร่ เราจะมาอัพเดทให้คุณผู้อ่านกันอย่างแน่อนครับ

วันพฤหัสบดีที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2560

Microsoft เปิดตัวระบบปฏิบัติการ Windows 10 Pro for Workstations

Microsoft เปิดตัวระบบปฏิบัติการ Windows 10 Pro for Workstations

ย้อนไปในเดือนมิถุนายนมีข่าวลือว่า Microsoft กำลังทำระบบปฏิบัติการสำหรับเครื่องระดับ Workstations อยู่ ล่าสุดบนหน้าเว็บของไมโครซอฟต์ก็ได้มีประกาศออกมาเป็นทางการแล้ว ใช้ชื่อรุ่นว่า Windows 10 Pro for Workstations
Microsoft เปิดตัวระบบปฏิบัติการ Windows 10 Pro for Workstations
Windows 10 Pro for Workstations ถูกออกแบบมาสำหรับใช้งานบนเครื่องระดับเซิฟเวอร์ และผู้ใช้งานระดับ Power user รองรับการทำงานร่วมกับซีพียูหลายตัวพร้อมกันและแรมขนาดใหญ่
นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับระบบไฟล์ Resilient File System (ReFS) ที่ช่วยป้องกันไฟล์ไม่ให้เกิดความเสียหาย และรองรับกับไฟล์ที่มีขนาดใหญ่ได้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม, สนับสนุนการทำงานร่วมกับ Non-volatile memory modules (NVDIMM-N) อีกด้วย ทำให้ความเร็วในการอ่านและเขียนข้อมูลมีความเร็วที่สูงที่สุดเท่าที่ระบบจะรองรับได้, มีระบบ SMB Direct, สนับสนุน Remote Direct Memory Access (RDMA) ที่ช่วยให้ค่า Latency ลดต่ำลงโดยไม่กินทรัพยากรของ CPU
สำหรับฮาร์ดแวร์ที่รองรับการทำงานของ Windows 10 Pro for Workstations ได้ระบุไว้ว่าทำงานได้ทั้ง Intel Xeon และ AMD Opteron โดยใส่ได้สูงสุด 4 ตัวพร้อมกัน ในส่วนของหน่วยความจำรองรับแรมได้สูงสุด 6TB ซึ่ง Windows 10 Pro ในปัจจุบันรองรับ CPU สูงสุดแค่เพียง 2 ตัว และแรมแค่ 2TB เท่านั้น
Windows 10 Pro for Workstations จะมาพร้อมกับ Windows 10 Fall Creators Update ที่จะมาในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ส่วนราคายังไม่มีการเปิดเผย

รู้ไว้ไม่เสียหาย! เรื่อง Flash Drive ที่ใช้กัน



อุปกรณ์พื้นฐานที่เชื่อว่าใครๆ หลายคนจะต้องมีติดตัวไว้ใช้ถ่ายโอนข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ ที่เรียกกัน Flash DriveUSB DriveThumb Drive แล้วแต่ใครจะถนัดเรียกแบบไหน... หากใครยังจำได้กันว่าเมื่อประมาณ 8 ปีก่อน Flash Drive ได้เริ่มมีวางขายตามท้องตลาด โดยช่วงแรกมีความจุแค่ไม่ถึง 100MB แถมราคาก็แพงเอาการ แต่ทุกวันนี้ความจุนั้นเพิ่มขึ้นมากจนทะลุ 100GB เข้าไปแล้ว แถมตัวความจุ 4-32GB ที่มีขายทั่วไปก็ราคาถูกแสนถูกไม่ถึง 500 บาท
ข้อดีของ Flash Drive คือสามารถโอนถ่ายข้อมูลง่าย สะดวก รวดเร็ว จะลบ จะก๊อปไฟล์ก็ง่ายไปหมด แถมอึดถึกทน ตกพื้นก็ยังไม่พัง แต่ข้อเสียคือติดไวรัสได้ง่ายมาก แถมพาไปติดอุปกรณ์อื่นอีกถ้าผู้ใช้ไม่รู้จักวิธีตรวจสอบหรือป้องกัน
รู้ไว้ไม่เสียหาย! เรื่อง Flash Drive ที่ใช้กัน
ปัจจุบันนี้ Flash Drive ไม่ได้ใช้แค่กับเครื่องคอมพิวเตอร์เพียงอย่างเดียวแล้ว แต่ยังสามารถใช้กับอุปกรณ์อื่นๆ ได้อีกเช่น เครื่องเสียงในรถยนต์, LCDTV, DVD player เป็นต้น เพราะฉะนั้นเวลาเลือกซื้อก็ควรดูว่าจะเอาไปใช้งานด้านไหน เพราะ Flash Drive แต่ละตัวมีค่าการส่งผ่านข้อมูลแตกต่างกันไป และแน่นอนว่าราคาก็เช่นกัน มาลองอ่านข้อมูลแนะนำสำหรับการใช้ Flash Drive กันนะครับ
1. ความจุ ความจุของ Flash Drive นั้นมีให้เลือกตั้งแต่ 2GB ไปจนถึง 128GB ยิ่งความจุมาก ราคาก็ยิ่งสูงตาม ถ้าจะซื้อไปเพื่อแค่เก็บไฟล์งานเอกสารทั่วไปแค่ 8GB ก็น่าจะเพียงพอ ราคาก็แสนถูกเพียงแค่ร้อยกว่าบาท แต่ถ้าจะซื้อไปเก็บไฟล์อื่นๆ ที่ขนาดใหญ่ ก็ควรเพิ่มตัวความจุให้มากขึ้นเป็น 64GB หรือ 128GB พิจารณาตามความเหมาะสมที่จะนำไปใช้งาน
2. พอร์ตเชื่อมต่อ (รูเสียบ) ทั่วไปแล้วตอนนี้จะเป็น USB 2.0 ซึ่งจะมีราคาที่ถูกมาก แต่ปัจจุบันก็มีรุ่นใหม่ๆ ที่เป็น USB 3.0 เข้ามา แน่นอนว่าราคาสูงกว่ารุ่นเดิม แน่นอนว่ารุ่นใหม่ๆ สามารถถ่ายโอนไฟล์ได้รวดเร็วกว่า
3. ประกัน การรับประกันเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งปัจจุบันหลายรุ่นจะมีประกันถึง 5 ปี นับว่านานมาก แต่หลายคนมักจะทำ Flash drive หายก่อน และบางรุ่นก็รับประกันตลอดอายุการใช้งานเลยทีเดียว
4. รูปลักษณ์ภายนอก อันนี้เลือกได้สะดวกตามใจชอบเลย ถูกใจก็จัดไป ส่วนรุ่นที่มีความจุใหญ่ราคาแพง ต้องดูด้วยว่าใช้ชิปแตกต่างกันหรือไม่ เพราะหากชิปต่างกันมันจะส่งผลในการส่งผ่านข้อมูลที่ไม่เท่ากัน
5. ของปลอม ของก๊อป ปัจจุบันมี Flash Drive เถื่อนที่ผลิตออกมาวางขายมากมาย เวลาเลือกซื้อควรหาจากร้านที่ดูมีความน่าเชื่อถือ ให้ดูที่ใบรับรองหรือวอยประกัน (Warranty sticker) หากเป็นของแท้จะแปะไว้อย่างชัดเจน และแพ็คเกจก็จะดูมีคุณภาพกว่า
รู้ไว้ไม่เสียหาย! เรื่อง Flash Drive ที่ใช้กัน
*ข้อควรระวัง*
หากนำ Flash Drive ไปเสียบคอมฯ ตามร้านเน็ต/ร้านปริ้นงาน/เครื่องสาธารณะ และไม่มั่นใจว่าคอมฯ เครื่องนั้นปลอดไวรัสหรือไม่ (ซึ่งมักจะไม่) ก่อนใช้ให้สำรองข้อมูลสำคัญออกไปเก็บที่อื่นเสียก่อน และเมื่อใช้เสร็จควรจะทำการ Format ก่อนนำมาเสียบกับอุปกรณ์ส่วนตัว